GGM

Journal of Gerontology

and Geriatric MedicineISSNISSN 2697-4509 (Online)

GGM

Journal of Gerontology

and Geriatric MedicineISSN 2697-4509 (Online)

Article

ปีที่ 24 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2568 (11-22)

ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงของผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ เขตสุขภาพที่ 2 ประเทศไทย

Factors Influencing the Performance of Oral Health Care for Dependent Older Adults by Care Managers in Health Region 2, Thailand

Abstract

ผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปฏิบัติงานและปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงของผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างคือผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุที่ปฏิบัติงานในเขตสุขภาพที่ 2 จำนวน 330 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ระหว่างเดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนมีนาคม 2567 จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและวิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้สหสัมพันธ์เชิงอันดับของสเปียร์แมน ผลการศึกษาพบว่าผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุมีการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 3.89±0.67 คะแนน) ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงาน ได้แก่ ทัศนคติในการดูแล (r= 0.188, p<0.01) เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน (r= 0.377, p<0.01) ปัญหาสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน (r= -0.431, p<0.01) นโยบายการบริหารและนโยบายของหน่วยงาน (r= 0.460, p<0.01) ความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงาน (r= 0.380, p<0.01) การได้รับการสนับสนุนจากองค์กร (r= 0.431, p<0.01) ในขณะที่ระยะเวลาการปฏิบัติงานในฐานะผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุและความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปาก ไม่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้น การดำเนินงานด้านการดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ควรมีการกำหนดนโยบายอย่างเป็นระบบที่เชื่อมโยงตั้งแต่ระดับบริหารสู่ระดับปฏิบัติการ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและการสนับสนุนจากองค์กรที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ควรส่งเสริมการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ปฏิบัติงาน มีการจัดสรรเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการให้บริการอย่างเพียงพอ รวมถึงการเสริมสร้างทัศนคติที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง

Care managers play a crucial role in driving the provision of long-term care services for dependent older adults within the public health system. This descriptive study aimed to examine oral health care practices of care managers and factors influencing their performance in caring for dependent older adults. The sample consisted of 330 care managers in Health Region 2. Data were collected by using structured questionnaire from December 2023 to March 2024. Descriptive statistics (frequency, percentage, mean, and standard deviation) and Spearman's rank correlation were used to analyze the data. These findings revealed that the overall level of oral health care practice among care managers was high (mean = 3.89 ± 0.67). Factors that significantly associated with oral health care practice included attitudes toward oral health care (r = 0.188, p < 0.01), availability of tools and equipment (r = 0.377, p < 0.01), environmental obstacles in the workplace (r = -0.431, p < 0.01), administrative and organizational policies (r = 0.460, p < 0.01), relationships with colleagues (r = 0.380, p < 0.01), and organizational support (r = 0.431, p < 0.01). In contrast, length of experience as a care manager and knowledge of oral health care were not significantly associated with oral health care practice. Thus, oral health care for dependent older adults should be guided by a structured policy framework involving all levels, from administrative to operational. The policy framework should mainly focus on organizational support along with positive working environments, good professional relationships, adequate tools and equipment, and care managers’ attitudes toward oral health care practice for dependent older adults.

Keyword

ผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ, การดูแลสุขภาพช่องปาก, ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง

Care managers, Oral health care, Dependent older adults

Download:

References

  1. พัชราพรรณ กิจพันธ์. ประเทศไทยสู่สังคมผู้สูงอายุ Aging society in Thailand. อาหารและยา. 2561; 25(3): 4-8.
  2. อัญชิษฐฐา ศิริคำเพ็ง, ภัคดี โพธิ์สิงห์. การดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มีภาวะพึ่งพิงในยุคประเทศไทย 4.0. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์. 2560; 17(3): 235-243.
  3. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. คู่มือสนับสนุนการบริหารจัดการระบบบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ; 2559.
  4. กิตติคุณ บัวบาน. ความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะสุขภาพช่องปากกับคุณภาพชีวิตในผู้สูงอายุ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก. วารสารพฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ. 2560; 16(2-3): 45-56.
  5. สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. แนวทางการจัดบริการดูแลและป้องกันสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุสำหรับทันตบุคลากร. นนทบุรี : สำนักทันตสาธารณสุข; 2564.
  6. สำนักอนามัยผู้สูงอายุ กรมอนามัย. คู่มือแนวทางการฝึกอบรมหลักสูตร Care manager กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี: สำนักอนามัยผู้สูงอายุ; 2558.
  7. มิ่งสมร กิตติธีรนันท์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุติดเตียงโดยผู้ดูแลในอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ. 2564; 2(2): 69-79.
  8. วุฒิพงศ์ ธนะขว้าง, ทัศไนย วงค์ปินตา. ประสิทธิผลของการเสริมสร้างพลังอำนาจให้ผู้ดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน. วารสารสาธารณสุขล้านนา. 2564; 17(1): 64-75.
  9. สุวิมลรัตน์ รอบรู้เจน. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแลผู้สูงอายุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารการพยาบาลการสาธารณสุขและการศึกษา. 2559; 17(2): 71-84.
  10. จีราวรรณ นามพันธ์, นฤมล เอื้อมณีกูล, สุรินธร กลัมพากร. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานของผู้ดูแลที่ผ่านการอบรมในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. 2563; 28(3): 41-52.
  11. ชนายุส คำโสม, สุนีย์ ละกำปั่น, เพลินพิศ บุณยมาลิก. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในระบบการดูแลระยะยาว จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารพยาบาลกาชาดไทย. 2562; 12(2): 193-207.
  12. เพ็ญนภา มะหะหมัด. ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตามหลักการดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงของผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุในตำบลสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส. วารสารพฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ. 2561; 17(1-2): 1-9.
  13. ภัทรียา ใจผ่อง, วันเพ็ญ แก้วปาน, สุนีย์ ละกำปั่น, จุฑาธิป ศีลบุตร. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติงานตามบทบาทผู้จัดการรายกรณีของพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานเยี่ยมบ้าน ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2562; 33(1): 120-137.
  14. สุภณัฏฐ์ จันทสาโร, ทัศนีย์ รวิวรกุล, พัชราพร เกิดมงคล, ณัฐนารี เอมยงค์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการปฏิบัติงานของพยาบาลเยี่ยมบ้านตามมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแลที่บ้าน. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2565; 36(1): 18-38.
  15. McCormick EJ, Ilgen DR. Industrial and organizational psychology. New Jersey: Prentice-Hall; 1985.
  16. เพ็ญนภา ชาดี, สุวิทย์ อุดมพาณิชย์. คุณลักษณะส่วนบุคคลและปัจจัยการบริหารที่มีผลต่อการปฏิบัติงานด้านทันต กรรมป้องกันของเจ้าพนักงานทันตสาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดขอนแก่น. วารสารทันตาภิบาล. 2562; 30(1): 92-102.
  17. ธนิตา กำจิตเอก. ปัจจัยจูงใจที่มีผลต่อการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี. [สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกริก; 2562.
  18. ดวงฤทัย ไสยสมบัติ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการดำเนินงานทันตสาธารณสุขของหน่วยบริการปฐมภูมิเครือข่ายสุขภาพเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี. [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ]. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2561.
  19. Bloom BM. Learning for mastery. Evaluation Comment. 1968; 1(2): 1-12.
  20. Best JW. Research in Education.3rd ed. New Jersey: Prentice-Hall; 1977.